ทุกผลิตภัณฑ์ (สินค้าหรือบริการ) มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในโลกที่เผชิญกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ของการลดลงของทรัพยากร มลพิษของอากาศ น้ำและดิน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องลดผลกระทบเหล่านี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราเหมาะสมสำหรับอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP) จะสื่อสารถึงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ผลิตหรือบริโภคในระหว่างวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์สามารถแสดงเป็นผลกระทบต่อปีหรือต่อการใช้หรือปริมาณ ตัวอย่างเช่น การเดินทางต่อกิโลเมตร ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล เช่น เจลอาบน้ำอาจอ้างอิงจากคาร์บอนฟุตพริ้นท์หรับการอาบน้ำทั่วไป 1 ครั้ง (และรวมถึงน้ำร้อนจากฝักบัวด้วย ไม่ใช่แค่การผลิตเจล) ถึงแม้จะไม่มีการศึกษารที่สมบูรณ์แบบแต่หล่านี้มักจะเป็น 'การประมาณการที่ดีที่สุด' ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในช่วงหนึ่งตามเวลา โดยอิงตามข้อมูลที่มีอยู่
แม้แต่การวิเคราะห์คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์แบบง่ายก็สามารถช่วยกําหนดกรอบแผนปฏิบัติการ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและช่วยประหยัดให้กับองค์กรได้ เช่น ฟุตพริ้นท์อย่างง่ายของผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าสามารถช่วยกำหนดการปรับปรุงสัมพัทธ์จากการจัดการประสิทธิภาพพลังงานในการใช้ผลิตภัณฑ์ การยืดอายุผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพการผลิต หรือการทดแทนวัตถุดิบ ตัวขับเคลื่อนหลักสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้มากมาย
ความท้าทายที่สำคัญบางส่วน จะครอบคลุมผ่านกรณีศึกษาในเอกสารนี้ ได้แก่ การกำหนดหน่วยของการศึกษา การจัดการบัญชีและการคำนวณ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ (รวมถึงแบ่งจัดสรร การแปลงหน่วย และการวิเคราะห์การใช้งานของผู้บริโภคและการสิ้นสุดอายุการใช้งาน) และ ความท้าทายในการจัดหาข้อมูล การจัดหาข้อมูลมักทำให้โครงการเกิดความล่าช้าอย่างมาก การตีความข้อมูลมักจะเป็นองค์ประกอบที่ให้ประโยชน์มากที่สุดเมื่อเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลถูกแปลงเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ซึ่งสามารถใช้เพื่อหาโอกาสในการลด อาจมีความท้าทายในเรื่องนี้ เนื่องจากสิ่งที่มีผลกระทบสูงที่สุดมักจะเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุด (เช่น แหล่งวัตถุดิบหรือขั้นตอนการใช้งาน) ในกรณีเหล่านี้ การร่วมมือกับซัพพลายเออร์และอุตสาหกรรมสามารถนำไปสู่โครงการลดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด